วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ค้นพบช่องปริศนา 2 ช่องที่มหาพีระมิดแห่งกิซ่า


          ประเทศอียิปต์เป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยศิลปวัฒนธรรมโบราณ หนึ่งในอารยธรรมเก่าแก่ที่น่าทึ่งก็คือ พีระมิด .....สุดยอดสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณ และด้วยความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ชาวอียิปต์จึงได้ฝังทรัพย์สินสิ่งของเครื่องใช้ไปพร้อมกับพระศพ เพื่อให้องค์กษัตริย์ของพวกเขามีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับโลกหน้า ดังนั้นในพีระมิดก็จะมีห้องที่ใช้เก็บสมบัติ เมื่อทำการฝังพระศพเรียบร้อยก็จะทำการปิดผนึกห้องเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนกษัตริย์ผู้เป็นร่างอวตารของพระเจ้า

          มหาพีระมิดแห่งกิซ่า หรือที่รู้จักกันในนามพีระมิดคูฟูมีอายุมากกว่า 4,500 ปี เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ใช้สำหรับบรรจุพระบรมศพของกษัตริย์คูฟูและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีความสูงถึง 146 เมตร เนื่องจากขนาดอันใหญ่โตของพีระมิดจึงทำให้ยากต่อการสำรวจ มหาวิทยาลัย Cairo University’s Faculty of Engineering แห่งประเทศอียิปต์จึงได้ร่วมมือกับบริษัท Paris-based non-profit organization Heritage, Innovation and Preservation (HIP Institute) จัดตั้งโครงการที่มีชื่อว่า Scan Pyramids ขึ้นมาเพื่อทำการสำรวจมหาพีระมิดแห่งนี้ โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2558 (ใกล้จะครบ 1 ปีแล้วแฮะ)

แค่เป็นปริศนาอันยาวนานถึง 4,500 ปี ไม่ได้หมายความว่าจะไขไม่ได้ - Scan Pyramids

          ในการสำรวจได้มีการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามาช่วย ซึ่งจะไม่มีการบุกรุกเข้าไปสำรวจยังภายในพีระมิด โดยเทคโนโลยีที่ใช้ได้แก่


          กล้องอินฟาเรด: ใช้เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภายในสิ่งก่อสร้าง โดยเทคโนโลยีนี้ใช้หลักการที่ว่าวัตถุจะแผ่รังสีความร้อนออกมา ซึ่งกล้องจะทำหน้ารับข้อมูลแล้วนำไปแสดงผลออกมาในรูปแบบของสีที่แตกต่างกันตามอุณหภูมิ โดยสีโทนสว่างจะแสดงผลของบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง และสีโทนมืดจะแสดงผลของบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ

          การถ่ายภาพด้วยรังสีมิวออน: รังสีมิวออนเกิดจากรังสีคอสมิก (อนุภาคพลังงานสูงจากอวกาศ) กระทบกับบรรยากาศชั้นสูงแล้วตกลงมายังโลก รังสีนี้จะทำหน้าที่คล้ายรังสี X-ray ที่พุ่งผ่านเข้าไปภายในวัตถุก่อนจะผ่านตัวตรวจจับมิวออน ซึ่งจะแสดงโครงสร้างภายในของพีระมิด
          แบบจำลอง 3 มิติ: ใช้โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับทำการถ่ายภาพและทำเลเซอร์สแกนเพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติขึ้นมา

          ผลจากการสำรวจ นักวิจัยค้นพบ "โพรง" ปริศนาที่ความสูง 105 เมตรเหนือพื้นตรงขอบตะวันออกเฉียงเหนือ และตรงเหนือประตูทางเข้า ซึ่งโพรงที่ค้นพบมีรูปแบบคล้ายกับทางเข้าไปยังภายในของพีระมิด ทำให้นักวิจัยจากโครงการคาดเดาว่าอาจจะมีห้องลับซุกซ่อนอยู่ภายในมหาพีระมิดแห่งนี้ แต่นักโบราณคดีอียิปต์คุณ Zahi Hawass กลับออกมาให้สัมภาษณ์โต้แย้งการค้นพบครั้งนี้ว่า "นักวิจัยเหล่านั้นก็เป็นแค่นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีความรู้เรื่องโบราณคดี พีระมิดสร้างจากหินน้อยใหญ่ก็จะเจอรอยแตกแบบนี้เป็นธรรมดา ผมไม่คิดว่าจะมีห้องลับอะไรหรอก"

          สุดท้ายก็คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์สมมุติฐานเรื่องทางเข้าปริศนาว่าเป็นความจริงหรือเป็นแค่มโนเพ้อฝันของนักวิจัย แต่ไม่ว่าโพรงที่ค้นพบจะเป็นทางเข้าห้องแห่งความลับของโรงเรียนฮอกวอตส์ เอ๊ยไม่ใช่ ของมหาพีระมิด หรือเป็นเพียงรอยแตกของหินที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานก็ตามที การค้นพบเรื่องราวใหม่ ๆ ก็ยังคงสร้างความหน้าตื่นตาตื่นใจไว้เป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาตร์ของมนุษยชาติอยู่ดี.....


ที่มา: Sciencealert.com


Share:

0 comments:

แสดงความคิดเห็น