หลังจากที่นั่งรถเมล์ร้อนสาย 92 ฝ่าสายลมและแสงแดดก็ไปถึงสถานที่สัมนาในเวลาประมาณบ่ายโมงนิดๆ พอลงทะเบียนเข้างานและรับเอกสารสัมนาเสร็จก็เข้าไปนั่งรอในห้องสัมนา
เวทีหน้าห้องสัมนา
เอกสารสัมนาที่ได้รับ
ในการสัมนาแบ่งออกเป็นช่วงแรกและช่วงหลัง โดยในช่วงแรกจะเป็นการนำเสนอข้อมูลเนื้อหา หลังจากนั้นก็จะมีการพักเบรครับประทานอาหารว่างแล้วจึงเข้าสู่ช่วงหลังซึ่งเป็นการเสวนากับวิทยาการรับเชิญ
เวลา 13.30 - 14.40 น. เริ่มต้นสัมนาด้วยการนำเสนอข้อมูล ซึ่งทำให้เห็นว่าปัจจุบันมีอัตราการใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น มีแนวโน้มที่คนจะเลือกซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากกว่าโทรศัพท์ธรรมดาหรือโทรศัพท์สองซิม รวมไปถึงข้อมูลผลการวิจัยพฤติกรรมการใช้ Application บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Application ช่วยในการทำงาน, ใช้สร้างความบันเทิง, ใช้ติดต่อสื่อสาร ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อสรุปว่า Application บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีส่วนช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
ถัดจากข้อมูลอัตราการใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็เป็นการนำเสนอว่า Mobile Application ช่วยธุรกิจได้อย่างไร ซึ่งแบ่งออกได้เป็นสองทางคือ
- การเก็บค่าโฆษณา(In-App Ads)
- การขายฟังก์ชั่นเพิ่มเติม(In-App Purchase)
- การขาย Application
- ใช้สนับสนุนองค์กร : คือการใช้ Application ในการให้บริการต่างๆเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าขององค์กรนั้นๆ
เวลา 14.45 - 15.00 น. พักรับประทานอาหารว่าง
เวลา 15.00 - 16.00 น. เป็นการเสวนากับวิทยากรรับเชิญถึงเรื่องการนำ Mobile Application มาใช้ทางด้านธุรกิจ, แนวคิดริเริ่มที่พัฒนา Application ขององค์กร, ปัญหาที่พบ และแผนการพัฒนา Application ขององค์กรต่อไปในอนาคต ซึ่งวิทยากรรับเชิญทั้งสามท่านได้แก่
วิทยากรรับเชิญ
- คุณสิทธิพล พรรณวิไล(คนซ้าย) : Managing Director บริษัท หัวลำโพง จำกัด, ผู้สร้าง MOLOME
- คุณณรัล วิวรรธนไกร(คนกลาง) : กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ และผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บลูมมิ่งสปา จำกัด
- คุณนัฏฐ์กล เกียรติสุรนนท์(คนขวา) : CEO & Founder ShopSpot
สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณนักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นอย่างสูงที่ได้จัดสัมนาดีๆแบบนี้ขึ้น ทำให้ผมได้รับรู้ข้อมูลการวิจัย, การนำ Mobile Application ไปใช้ในด้านธุรกิจ, แนวคิดในการพัฒนา Application และปัญหาที่เกิดหลังการเผยแพร่ Application ออกสู่ตลาด ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เข้าร่วมสัมนาในครั้งถัดไป
0 comments:
แสดงความคิดเห็น